น้ำส้มควันไม้ไผ่
น้ำส้มควันไม้ไผ่ เป็นผลผลิตที่ได้จากการเผาถ่านไม้ไผ่ ภายใต้สภาพอับอากาศ ( Airless Condition ) เมื่อผ่านแก๊สที่เกิดจากการเผาไหม้ไม้สดให้สัมผัสอากาศเย็น จะทำให้ไอกลั่นตัวลงจนเป็นของเหลว น้ำส้มควันไม้ไผ่ เป็นสารปรับปรุงดิน และสารเร่งการเจริญเติบโตของพืช ( Plant growth accelerating substances ) สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช และควบคุมโรคพืชสาเหตุจากไส้เดือนฝอย ( Nematode ) เชื้อรา นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเป็นฮอร์โมนพืช น้ำส้มสกัดจากควันไม้ไผ่ มีสารประกอบทางเคมีมากกว่า 260 ชนิด ที่สำคัญ คือ :-
- กรดอะซิติก ( Acetic acid )
- ไนโตรเจน ( Nitrogen )
- ฟอสฟอรัส ( Phosphorus )
- โพตัสเซี่ยม.(Potassium )
- ฟอฺร์มาลดิไฮด์ ( Formaldehyde )
- เอธิล เอ็น วาเลอเรต ( Ethyl-n-valerate )
- เมทธานอล ( Methanol )
- น้ำมันทาร์ ( Tar ) ฯลฯ
สารประกอบที่สำคัญในน้ำส้มควันไม้ไผ่
- กรดอะซิตริก เป็นสารกลุ่มออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส
- สารประกอบฟีนอล เป็นสารในกลุ่มควบคุมการเจริญเติบโตของพืช
- ฟอร์มอลดีไฮด์ เป็นสารในกลุ่มออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค และแมลงศัตรูพืช
- เอธิล เอ็น วาเลอเรด เป็นสารในกลุ่มเร่งการเจริญเติบโตของพืช
- เมทธานอล เป็นสารในกลุ่มออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส
- น้ำมันทาร์ เป็นสารจับใบช่วยลดการใช้สารเคมี
คุณสมบัติของ น้ำส้มสกัดจากควันไม้ไผ่
- ช่วยป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
- เร่งการเจริญเติบโตของรากพืช
- ช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพดินให้ร่วนซุย
- ช่วยให้พืชออกดอกและติดผลง่ายขึ้น
- ช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรงต้านทานโรค
วิธีใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่
ใช้ฉีดพ่นใบพืช ใช้ 2-3 ครั้ง หรือทุก 15 – 20 วัน ในช่วงฤดูการเพาะปลูกและเติบโตจนถึง 15 วันก่อนการเก็บเกี่ยว ในการใช้ก่อนการเก็บเกี่ยวนั้น สารอินทรีย์ในน้ำส้มควันไม้ไผ่จะช่วยเร่งการหมักตัวของกรดอมิโนและน้ำตาล ซึ่งจะเพิ่มรสหวานและกลิ่นหอมของผลไม้
ในกรณีของผัก ฉีดน้ำส้มควันไม้ไผ่ก่อนเก็บเกี่ยว ช่วยให้คุณภาพและรสขาดดีขึ้น รวมทั้งชะลอการเหี่ยวเฉา สำหรับผักใบใช้ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ก่อนเก็บเกี่ยว
กรณีผลไม้และผักกินใบที่ใช้เวลานานในการเก็บเกี่ยว ควรใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ 2 หรือ 3 ครั้ง ทุก 15 – 20 วัน เริ่มจากช่วงต้นของการเก็บเกี่ยว
สำหรับผลไม้เมื่อผลไม้โตเต็มที่และเริ่มสุก เช่น ส้มจีน เมื่อสีเริ่มเปลี่ยนควรใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ 1 – 2 ครั้ง ทุก 20 วัน จนถึง 15 วันก่อนเก็บเกี่ยว
แนวทางการใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ :
- ความเข้มข้น โดยทั่วไปการใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ควรเจือจางประมาณ 300 : 1 ถึง 1000 : 1
- ความเข้มข้นที่เจือจางน้อยกว่า 300 : 1 อาจส่งเสียต่อพืช ซึ่งอาจมีอาการดังนี้
- จุดบนใบ
- พืชหยุดการเจริญเติบโตชั่วคราว
- การเติบโตของตัวถูกเร่ง ชะลอการเติบโตของผล
อาการใน . ข้อ 1 และข้อ 2 เป็นผลมาจากกรดชีวภาพในน้ำส้มควันไม้ไผ่
ข้อ 3 มาจากการที่ใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่มีคุณสมบัติเป็นตัวเร่งสันดาป และการดูดซึมอาหารของพืช
ข้อแนะนำก็คือควรทดลองใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ในพืชแต่ละชนิด และสังเกต 3 – 4 วัน ก่อนจะใช้อย่างเต็มที่ ควรใช้อย่างระมัดระวังในพืชที่มีความไวต่อสารเคมีและพืชใบอ่อน
ในการเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำส้มควันไม้ไผ่ สามารถใช้ร่วมกับสาหร่ายทะเล ปลาหรือก้างปลาที่สกัดได้ โดยใช้ก่อนการเก็บเกี่ยว จากที่ได้กล่าวมาแล้ว ใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ร่วมกับยาเคมีเกษตรจะมีประสิทธิภาพมากกว่าใช้แยกกัน และน้ำส้มควันไม้ไผ่สามารถที่จะใช้ร่วมกับกระเทียม ช่วยป้องกันแมลงและการติดเชื้อราได้ การใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ร่วมกับยาเคมีเกษตร
สารเคมีเกษตรละลายได้ดี และทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในของเหลวที่มีค่า pH ประมาณ 4 – 5 ดังนั้นผสมน้ำส้มควันไม้ไผ่ซึ่งเจือจางแล้ว 500 – 1000 เท่า จะทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และสามารถลดปริมาณการใช้ รวมถึงไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยที่ทำให้สารเคมีติดอยู่กับพืช เนื่องจากน้ำมันทาร์ในน้ำส้มควันไม้ไผ่ได้ทำหน้าที่นี้แล้ว แต่น้ำส้มควันไม้ไผ่ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารที่เป็นด่าง
การใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ใช้ในการบำรุงดิน ผลดีที่จะได้กับดินมีดังนี้
- ความเสียหายที่เกิดจากแมลงและโรคในดินลดลง
- เพิ่มประสิทธิภาพให้ปุ๋ย โดยทำให้ง่ายต่อการดูดซึมของพืช
- ลดความเสียหายอันเกิดจากความเค็ม
ควรจะใช้ร่วมกับอย่างอื่น เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ในการปรับคุณภาพของดินในระยะยาว โดยเฉพาะดินซึ่งเสื่อมคุณภาพ อันเกิดจากการเก็บเกี่ยวไม่ดี และการใช้สารเคมีเกินควร น้ำส้มควันไม้ไผ่ ที่ใช้ใส่ในดินควรมีความเข้มข้นสูงกว่าที่ใช้บนใบพืช น้ำส้มควันไม้ไผ่ซึ่งมีความเข้มข้น 30 ต่อ 1 ถูกใช้ในปริมาณ 6 ลิตรต่อ 1 ตารางเมตร โดยทั่วไปในการฆ่าเชื้อในดินปรือขจัดไส้เดือนฝอย ความเข้มข้นที่สูงกว่านี้สามารถนำไปใช้ได้โดยปกติ การฆ่าเชื้อในดินควรใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ซึ่งมีค่า pH 3 และมีความด่างจำเพาะ 1.014 และเจือจาง 8 เท่าตัว โดยใช้ปริมาณ 1 ลิตรต่อ 1 ตารางเมตร อย่างไรก็ดี ไส้เดือนฝอย มีความต้านทานสูง ต้องใช้เวลา 3 – 4 ปีเพื่อขจัดให้หมดสิ้น
การใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่สำหรับดินปลูกผัก
ให้ใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ ความเข้มข้น 30 ต่อ 1 ก่อนปลูกโดยใช้ 6 ลิตรต่อ 1 ตารางเมตร ควรจะให้น้ำส้มควันไม้ไผ่ซึมลงในดินประมาณ 50 ซม. โดยจะทำก่อนหรือหลังการไถดินก็ได้ ควรใช้ปุ๋ยหมักก่อนใส่น้ำส้มควันไม้ไผ่ เนื่องจาก หากใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ก่อนอาจจะฆ่าจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นควรใส่ปุ๋ยหมักก่อน และสุดท้ายพรวนลงไปร่วมกัน ควรใช้ปุ๋ยหมักและน้ำส้มควันไม้ไผ่ช่วยพัฒนาคุณภาพดินในระยะยาว
การใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่สำหรับไม้ผลและพืชที่ปลูกในกระถาง
กรณีไม้ผล ให้รดสิบจุดรอบต้นไม้ในบริเวณที่โดนฝน และมีรากเล็ก ควรเจือจางน้ำส้มควันไม้ไผ่ 30 – 50 เท่า และใช้ 500 ลิตรต่อ 1000 ตารางเมตร กรณีไม้กระถาง ผสมน้ำส้มควันไม้ไผ่กับดินและทิ้งไว้ 10 – 15 วัน เพื่อระบายก๊าซออกก่อนใส่ในกระถาง การใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ใช้ในการหมักปุ๋ย ช่วยเร่งขบวนการหมักโดยเฉพาะมูลสุกรและมูลไก่ การหมักจะเร็วขึ้นถ้าอุณหภูมิสูงขึ้น อุณหภูมิของปุ๋ยที่หมักมา 4 วัน จะสูงถึง 80 องศาเซลเซียส ถ้าใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ช่วย ควรใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ที่เจือจาง 100 เท่า รดลงบนปุ๋ย แต่ควรระวังไม่ควรใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่ซึ่งเข้มข้นกว่านี้ เนื่องจากจะไปฆ่าเชื้อ เมื่อรากพืชเป็นโรค ให้ใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่เจือจาง 100 – 200 เท่า รดที่โคนต้น ให้ชุ่มจนลึก 50 ซม. สำหรับมะเขือเทศและแตงกวา ให้ใช้ 1 – 2 ลิตรต่อต้น เพื่อเพิ่มความสดชื้นแข็งแรงและพัฒนาการของราก
การใช้น้ำส้มควันไม้ไผ่เป็นตัวลดกลิ่นหรือเป็นอาหารเสริม
- การลดกลิ่นมูลสัตว์ ให้รดมูลสัตว์หรือพื้นคอกเลี้ยงสัตว์ด้วยน้ำส้มควันไม้ไผ่เจือจาง 50 เท่าบ่อยครั้งเท่าที่จะทำได้
- น้ำ ส้มควันไม้ไผ่สามารถเป็นอาหารเสริมสำหรับสัตว์ โดยช่วยปรับระดับแบคทีเรียในลำใส่และอำนวยการดูดซึมสารอาหาร ทำให้เนื้อไก่มีสีชมพู และลดปริมาณน้ำในเนื้อไก่เหลือประมาณร้อยละ 3 ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณภาพไก่โดยรวม เพราะน้ำส้มควันไม้ไผ่ซึ่งได้ผ่านการกลั่นอย่างดีแล้วเท่านั้น จึงสามารถจะใช้กับสัตว์ได้ การผสมในอาหาร ให้ราดจนชุ่มบนรำข้าว ซึ่งขจัดไขมัน หลังจากนั้นผสมในอาหารสัตว์ในอัตราส่วน 99 ต่อ 1 ส่วนผสมนี้เหมาะสำหรับสัตว์ใหญ่
ข้อคิดเห็นโดยรวม
- น้ำส้มควันไม้ทำหน้าที่เหมือนเป็นฮอร์โมน ช่วยในการเจริญเติบโต
- การให้น้ำส้มควันไม้ร่วมกับการใช้น้ำหมักชีวภาพจะได้ผลดีกับพืช
- การใช้น้ำส้มควันไม้กับผักที่กินผล หัว หน่อ ต้องใช้ถี่กว่าผักกินใบในการป้องกันเพลี้ย หนอน
- ถ้าใช้น้ำส้มฯอัตราที่เข้มข้นมาก จะทำให้ใบเหี่ยว แห้ง และตาย
- หาก ใช้น้ำส้มฯมีความเข้มข้นมากจะทำให้สัตว์ป่วย เช่น เกิดท้องร่วง เชื่องซึม ซึ่งแก้ได้โดย กรอกน้ำเปล่าให้กับสัตว์เลี้ยง หรือคั้นน้ำฟักเขียวสดกับน้ำเปล่ากรอก หรือตำปูนาผสมกับฟักเขียวคั้นกรองให้สัตว์กิน
ขั้นตอนการผลิตหรือขั้นตอนการเก็บน้ำส้มควันไม้ ญี่ปุ่นได้มีการกำหนดไว้เป็นมาตรฐานเลยว่า อุณหภูมิภายในเตาต้องเท่าไรจึงจะได้ส่วนที่เป็นน้ำส้ม อุณหภูมิที่เท่าใดที่จะต้องหยุดเก็บ อูณหภูมิที่เริ่มขบวนการเผาถ่าน ควันที่ถูกปล่อยออกมาสามารถเก็บเอาน้ำที่เราทำให้กลั่นตัวเป็นหยดน้ำได้หรือ ไม่ เหล่านี้ล้วนต้องอาศัยความรู้จริง ๆ จึงจะได้น้ำส้มควันไม้ ที่ได้มาตรฐาน
ส่วนประกอบของเนื้อไม้ที่สำคัญ คือ :-
- คาร์บอน
- กรด
- ด่าง
ซึ่งมีลักษณะเป็นของแข็งและของเหลวประกอบกันอยู่
แต่ถ้าขาดความรู้เบื้องต้นเหล่านี้แล้วพากันโมเมว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นคือ น้ำส้มควันไม้ ก็จะเจอปัญหาหรือคำถามที่ว่า ทำไมน้ำส้มควันไม้ที่ชาวบ้านผลิตได้ในปัจจุบัน เมื่อนำไปวิเคราะห์ทดสอบเบื้องต้นจึงมีค่าเป็น " ด่าง " ( ค่า pH สูง ) ซึ่งตามมาตรฐานญี่ปุ่นนั้น น้ำส้มควันไม้ ต้องมีค่าเป็นกรด วัดค่า pH ไม่เกิน 3.5 โดยประมาณ อย่างนี้เป็นต้น
จึงเป็นที่น่าเสียดายที่น้ำส้มควันไม้ ที่พากันเก็บในบ้านเราอยู่ในปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมและเชื่อถือเท่าที่ ควร เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการนี่เอง เมื่อนำไปใช้แล้วไม่ได้ประโยชน์แถมยังเกิดโทษเสียอีก เพราะเท่ากับเราไปเพิ่มค่าความเป็นด่างให้กับสภาพแวดล้อม
จึงต้องขอแสดงความเห็นมา ณ.ที่นี้เพื่อจะได้ช่วยกันพัฒนาศึกษาเรียนรู้เรื่องน้ำส้มควันไม้ ให้เกิดความรู้ที่เป็นสาระประโยชน์จริง ๆ กันเสียที
" ไม่ต้องการให้คนไทย ประเทศไทย เป็นเช่นนี้ต่อไป คือไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามคนไทยเราขี้มักจะรู้ไปหมด ทำเหมือนรู้มากเสียด้วย แต่รู้จริงแค่ไหนไม่มีใครรู้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการอวดรู้เสียมากกว่า ทำให้การพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาครอบครัว พัฒนาชุมชน พัฒนาท้องถิ่น และพัฒนาประเทศ ผิดทิศผิดทางกันไปหมด "
*********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น